ความขัดแย้งภายในบอร์ดบริหารของเชลซี เจ้าของร่วมพยายามซื้อหุ้นกันเอง
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สโมสรฟุตบอลเชลซี (Chelsea) เผชิญกับปัญหาภายในบอร์ดบริหาร โดยเฉพาะระหว่างผู้ถือหุ้นหลัก ท็อดด์ โบห์ลี่ (Todd Boehly) ประธานสโมสร และ Clearlake Capital ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทีม ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้เจ้าของร่วมทั้งสองฝ่ายต่างพยายามที่จะซื้อหุ้นกันเอง เพื่อต้องการครอบครองสโมสรอย่างเต็มตัว
ติดตามข่าวกีฬาใน ไทยลีก และ พรีเมียร์ลีก เพื่ออัพเดทการเปลี่ยนแปลงของทีมและโค้ชอย่างต่อเนื่อง
ท็อดด์ โบห์ลี่ กับการสูญเสียอำนาจภายในสโมสร
ท็อดด์ โบห์ลี่ เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าซื้อกิจการสโมสรเชลซีจาก โรมัน อบราโมวิช (Roman Abramovich) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2022 ด้วยมูลค่า 2.5 พันล้านปอนด์ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานสโมสรและเป็นเจ้าของร่วมควบคุมกิจการตั้งแต่ช่วงแรก อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมา เขากลับสูญเสียอำนาจการควบคุมลงไป โดย Clearlake Capital ซึ่งถือหุ้นถึง 61.5% ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารงานสโมสรเชลซีแทน
Clearlake Capital ถูกบริหารโดย เบห์แดด เอกบาลี (Behdad Eghbali) ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นบุคคลที่มีบทบาทในการบริหารงานมากที่สุด นับตั้งแต่โบห์ลี่ก้าวลงจากตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาเฉพาะกาลในเดือนมกราคม 2023 ทำให้ฝ่ายของ Clearlake มีอิทธิพลสูงในเรื่องการบริหารงานในสโมสร
ความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม Clearlake และ โบห์ลี่
จากการเข้ามามีบทบาทของ Clearlake ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างกลุ่ม Clearlake และกลุ่มที่สนับสนุนท็อดด์ โบห์ลี่ ซึ่งรวมถึงพันธมิตรเศรษฐีพันล้านอย่าง ฮานส์ยอร์ก วีสส์ (Hansjorg Wyss) และ มาร์ค วอลเตอร์ (Mark Walter) ที่ถือหุ้นอีก 38.5% ของสโมสร แม้ว่าทางสโมสรจะปฏิเสธเรื่องการขัดแย้งนี้ แต่ในแง่ของการบริหารงาน หลายคนเริ่มเห็นได้ว่ามีความไม่ลงรอยเกิดขึ้นระหว่างสองกลุ่มนี้
Clearlake ไม่ได้แสดงความต้องการที่จะขายหุ้นของตนแต่อย่างใด และมีความยินดีที่จะขยายการถือหุ้นเพิ่มขึ้น ในขณะที่โบห์ลี่ก็มีความตั้งใจที่จะซื้อหุ้นทั้งหมดจาก Clearlake เช่นกัน ทำให้สถานการณ์นี้เป็นที่จับตามองอย่างมาก
ผลกระทบจากความขัดแย้งต่ออนาคตของสโมสร
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเรื่องของการบริหารงานในด้านกีฬาของทีมมากนัก เนื่องจากปัญหานี้ถูกเก็บเป็นความลับจากบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกีฬาภายในสโมสร อย่างไรก็ตาม บุคคลสำคัญบางคนในทีมเชื่อว่างานปรับปรุงสนามหรือการย้ายสนามใหม่อาจจะล่าช้าลงเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งนี้
จากข้อตกลงการบริหารที่ทำขึ้นก่อนหน้านี้ ประธานสโมสรจะเปลี่ยนทุก ๆ ห้าปี ซึ่งหมายความว่าโบห์ลี่จะต้องก้าวลงจากตำแหน่งในปี 2027 หากเขาต้องการขายหุ้นของตัวเองให้บุคคลที่สาม การขายนั้นจะต้องได้รับการอนุมัติจาก Clearlake ด้วย
การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมและสถานการณ์นักเตะ
นับตั้งแต่ Clearlake และท็อดด์ โบห์ลี่ เข้ามาควบคุมสโมสรในปี 2022 เชลซีได้ใช้เงินมากกว่า 1 พันล้านปอนด์ในการเซ็นสัญญานักเตะใหม่ ทีมถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ามีนักเตะมากเกินไปในทีม โดยในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ มีนักเตะซีเนียร์มากถึง 42 คนในทีม แต่ปัจจุบันจำนวนนักเตะลดลงเหลือ 36 คน
อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมหลายคน ซึ่งสร้างความกังวลในเรื่องของเสถียรภาพของสโมสร ผู้จัดการทีมคนล่าสุดคือ เอ็นโซ มาเรสก้า (Enzo Maresca) ที่ถูกว่าจ้างมาจากเลสเตอร์ในเดือนกรกฎาคม 2023 เพื่อแทนที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน (Mauricio Pochettino) ที่ถูกปลดจากตำแหน่งหลังจากคุมทีมเพียงฤดูกาลเดียว ก่อนหน้านี้ Clearlake และโบห์ลี่ก็ได้ปลดผู้จัดการทีมชื่อดังอย่าง โธมัส ทูเคิล (Thomas Tuchel) และ เกรแฮม พอตเตอร์ (Graham Potter) ออกจากตำแหน่ง ทำให้ผู้บริหารชุดนี้ถูกวิจารณ์ในเรื่องการบริหารงานที่ไม่แน่นอน
บทสรุป
ความขัดแย้งภายในบอร์ดบริหารของเชลซีส่งผลต่อการบริหารงานของสโมสรในระยะยาว โดยเฉพาะเรื่องของการซื้อหุ้นและการเปลี่ยนแปลงภายในสโมสร สิ่งที่แฟนบอลและผู้สังเกตการณ์ต่างเฝ้ารอคือการแก้ไขปัญหานี้
ติดตามเว็บไซต์กีฬารายงานข่าวอัปเดตล่าสุดจากทั้ง ไทยลีก และ พรีเมียร์ลีก ให้แฟนบอลได้ติดตามได้แล้วที่นี่